Wednesday, September 19, 2018
ตอบจบของไซอิ๋วคืออะไร
เคยสงสัยว่าตอบจบของไซอิ๋วคืออะไร เพราะสารภาพตามตรงว่าไม่เคยอ่านจริงๆจังๆ สักที เคยฟังแต่เค้าเล่ามากับดูละครช่อง 3 รู้แต่ว่าเป็นนิยายที่แต่งขึ้นโดยยืมท่านเสวียนจ้าง ที่ไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่อินเดีย แต่แต่งให้มีอภินิหารอ่านสนุก ก็เท่านั้น ....
วันนี้เลยนั่งดู google กลายเป็นนั่งอ่านไป 4-5 ชั่วโมง แล้วก็ไปเจอที่เค้าเฉลยว่า ทำไมไซอิ๋วคือนิยายที่ทรงอิทธิพลของจีน ไม่ใช่แค่มันแฟนตาซีเท่านั้น แต่ไซอิ๋วคือการกางพระไตรปิฎกออกมาแล้วเขียนใหม่ในมุมนิทาน
รู้แค่ว่าพระถังคือศรัทธา จะไปชมพูทวีป ต้องมีศรัทธาก่อน พกจิตไปด้วยซึ่งจิตคนเรา ประกอบด้วย
โทสะ - หงอคง โกรธ ,
โลภะ - ตือโป๊ยก่าย โลภ ,
โมหะ - ซัวเจ๋ง ความไม่รู้
ก็แค่นั้น จน Google เจอที่เค้าอธิบายแต่ละบทแบบละเอียด ทึ่งเลยในความสามารถของคนแต่ง
หงอคงแปลงกายได้ เหาะเหิน เดินอากาศได้ ทำอะไรก็ได้ เพราะหงอคง คือจิตคนเรา ที่เป็นลิง ไม่อยู่นิ่ง คิดไปเรื่อย แค่คุมให้ตามลมหายใจยังยากเลย ดังนั้น ถ้าเราคุมหงอคงได้ .... การไปชมพูทวีปจะง่ายขึ้น ... เป็นต้น
และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราโกรธ - โทสะ เราจะเหมือนหงอคง แผลงฤทธิ์ พังพินาศ ราบเป็นหน้ากลอง
แต่หงอคงแพ้อะไร ? โดนขังไว้ที่อะไร ? ใช่แล้ว แพ้ฝ่ามือยูไล โดนขังไว้ที่เขา 5 นิ้ว
ฝ่ามือยูไล และเขา 5 นิ้ว แทน ขันธ์ 5
ต่อให้จิตแน่แค่ไหนสุดท้ายก็ไม่พ้นขันธ์ 5
ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
นอกจากนี้หงอคงยังมีกระบองวิเศษจัดการปีศาจได้ตลอด กระบองนั้นแทนปัญญา แต่ทว่า มีจิต กับปัญญา แค่นั้นมักเกิดปัญหา พระยูไลจึงประทานมงคล มารัดหัวไว้ ให้พระถังคอยดูแล มงคลนั้นก็แทน "สติ" ซึ่งมงคลเป็นรัดเกล้า 3 ห่วงคล้องกัน แทนไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา
ปีศาจแต่ละตัว แทนกิเลสที่เราต้องค่อยกำจัดออกไป
ตอนเจอกันครั้งแรกเห้งเจียบอกพระถังว่า
จะไปชมพูทวีปผมพา อาจารย์ตีลังกาไปได้ 7 ทีถึง
มามัวเสียเวลาเดินทำไมกัน ไม่เข้าใจ พระถังบอกว่าไม่ได้ต้องเดินไป
ปริศนาธรรมข้อนี้บอกว่า จิต+ปัญญา ฟังเค้าเล่า ฟังเค้าบอก คิดเอาเองก็บอกง่าย แป๊บเดียวก็ไปถึงนิพพานละ
เช่น เนี่ยคนเล่าให้ฟังอริยสัจ 4 ทางดับทุกข์ ฟังเข้าใจละ แต่จริงๆ แล้วไม่เข้าใจ ธรรมมะต้องลงมือปฎิบัติ เหมือนหงอคงบอกตีลังกาไป 7 ที มันไปไม่ถึง ต้องค่อยๆ เดินไป ศึกษาไป ปฎิบัติไป ถึงจะถึง
โป๊ยก่าย คือศีล 8 , ซัวเจ๊ง คือสมาธิ
ศรัทธา + ปัญญา + ศีล + สมาธิ จึงจะพ้นทุกข์
แต่บางครั้งปีศาจบางตัวก็เก่งเหลือเกิน
ต้องไปตามเจ้าแม่กวนอิมมาช่วย
เจ้าแม่กวนอิม คือ เมตตา
ปัญญา + เมตตา จะกลายเป็นสัมมาทิฏฐิ ธรรมชั้นสูงซึ่งปราบกิเลสได้เสมอ แต่เจ้าแม่กวนอิม มักให้เห้งเจียลองสู้จนหมดแรงก่อน ถึงมาช่วย เหมือนหากมีกิเลสควรให้ปัญญาลองขจัดดูก่อน เกินกำลังแล้วจึงให้เมตตาปล่อยวาง
ถ้าเกินกำลังเมตตา เจ้าแม่กวนอิมช่วยไม่ไหว
คนสุดท้ายที่มักมาช่วย คือ พระยูไล
พระยูไล แทน พระอริยสงฆ์ ท้ายที่สุดถ้าปฎิบัติไม่ไหวก็ถามผู้รู้เอา .... จบแน่นอน
ลำดับปีศาจแต่ละตัวในเรื่องก็เจ๋งมาก
เช่นเมื่อเริ่มเดินทาง ก็พบโจรทั้งหก ขัดขวางไม่ให้ไป
สุดท้ายเห้งเจียเลยเอากระบองตีจนตาย
โจรทั้งหกคือ อายตนะ 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอารมณ์ ต้องเอา ปัญญา (ตะบอง) ฟาดให้ตายก่อนถึงเริ่มออกเดินทางได้
แล้วก็เจอปีศาจไปเรื่อยๆ อ่านยังไม่จบ ท่าทางอีกหลายวัน
อ้อ แต่แอบโกงมาละ เปิดดูตอนจบ
สรุป ศรัทธา + ปัญญา + ศีล + สมาธิ เดินทาง
กำจัดกิเลสไปจนถึงชมพูทวีป แล้วได้อะไร
ตอนจบพระถังและคณะ มาถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง
สายน้ำเชี่ยวกรากมาก ไม่รู้จะข้ามไปยังไง
จนเจอเรือไร้ท้องเรือจอดอยู่ พระถังกังวลมาก
เรือไม่มีท้องเรือจะพาข้ามฟากยังไง
แต่สุดท้ายก็ยอมใช้เรือข้ามไป
แม่น้ำเชี่ยวกรากแทนกองกิเลส
เรือนั้นแทน สุญญตา ความไม่ยึดมั่นถือมั่น
เมื่อข้ามมาแล้วก็ถึงชมพูทวีป
และได้คัมภีร์มา เป็นหนังสือเปล่าหนึ่งเล่ม
แทนธรรมมะ ซึ่งคือความว่างเปล่า ...นิพพาน
แต่สุดท้ายเห้งเจียขอให้มีอะไรกลับไปจีนหน่อย
เพราะคนธรรมดาคงไม่เข้าใจ
เลยได้คัมภีร์มาอีกเล่มนึง เต็มไปด้วยอักษร
บันทึกการเดินทาง เรียกว่า พระไตรปิฎก ... จบ
อ่านแล้วคารวะคนแต่งเลย .... โห เก่งจัง
Monday, September 10, 2018
เทียนไขชีวิต
คำถามถึงเทวดา, พญานาค, พระภูมิเจ้าที่,
สัตว์เดรัจฉาน,เปรต, สัตว์ในนรก และมนุษย์
คำถามเดียวกัน แต่ต่างคำตอบ ต่างภพภูมิ ต่างวาระ ต่างบารมี ต่างความคิด
ต่างการกระทำ ต่างจุดมุ่งหมาย
"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์อยากจะทำอะไร"
เทวดา ตอบว่า
"เราจะพิจารณาธรรม เพราะมนุษย์มีกายสังขาร ที่เหมาะกับการพิจารณาธรรมมาก ร่างกายของมนุษย์เป็นเครื่องมือที่ใช้พิจารณาธรรมได้ดีที่สุด น่าอิจฉาพวกมนุษย์จริงๆ"
พญานาค ตอบว่า
"บวชสิ ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะบวช ... เป็นพญานาคมีฤทธิ์มากก็จริง แต่บวชไม่ได้ พ้นทุกข์ไม่ได้ ไม่เหมือนมนุษย์ พระพุทธเจ้าไม่อนุญาตให้นาคบวช แต่มนุษย์บวชได้ มนุษย์สร้างบุญใหญ่ไปสวรรค์ชั้นสูง ไปแดนนิพพานได้ แสนประเสริฐ"
พระภูมิเจ้าที่ ตอบว่า
"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง คราวนี้เราจะไปทำบุญใส่บาตรทุกวัน ไม่ต้องมานั่งรอคนอุทิศส่วนกุศลมาให้เราอีก ไปทำเองเลย เพิ่มบารมีได้เร็วทันใจดี"
สัตว์เดรัจฉาน ตอบว่า
"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะสงเคราะห์สัตว์ตัวอื่นๆ เป็นสัตว์นั้นทุกข์มาก พูดก็ไม่ได้ คิดอะไรฉลาดๆก็ไม่ได้
เป็นมนุษย์มีสมองมีปัญญา เราจะใช้ปัญญาของมนุษย์ทำให้ตัวเองไม่ต้องมาเป็นสัตว์อีก"
เปรต ตอบว่า
"เราไม่อยากมีหน้าตาน่าเกลียด ไม่อยากมีปากเท่ารูเข็ม มีรูปร่างสูงเหมือนต้นตาล
ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะถือศีล จะได้ไม่ต้องมาเป็นเปรตผู้หิวโหย อดๆ อยากๆ ทนทุกข์ทรมานแบบนี้"
สัตว์นรกในอเวจี ตอบว่า
"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะทำความดี จะไม่ผิดศีล5อีก จะปฏิบัติธรรม เพราะนรกมันร้อนมันโหดร้าย อยู่แล้วมีแต่ความเจ็บปวด ทุรนทุราย ถ้าข้ามีโอกาสอีกครั้ง เราจะไม่ทำเลว เราไม่อยากทรมาน ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นสัตว์นรกอีก"
แต่เมื่อถามคำถามเดียวกัน
มนุษย์ตอบว่า "อยากสมหวังรัก,อยากรวย,อยากมีตำแหน่งสูง,อยากมีอำนาจ แม้ต้องผิดศีล ทำร้ายใครก้อจะทำ"
อนิจจาใครหนอ..น่าสงสารที่สุด!
มนุษย์ผู้ที่อยากแต่ทรัพย์สมบัติภายนอกที่ยึดถือได้ชั่วคราว
ทั้งที่มีโอกาสจะทำบุญกุศลมากกว่าเพื่อน ทำให้มีอริยทรัพย์คือ
ทรัพย์อันประเสริฐเป็นของติดตัวไปทุกภพภูมิ อยู่ภายในใจ มี ๗ สิ่งคือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ จาคะ ปัญญา
Tuesday, August 28, 2018
Monday, August 27, 2018
มีขึ้น มีลง คือสัจธรรม
ซิงตึ๊ง (新唐)
ซิงตึ๊ง...เป็นศัพท์ที่ใช้เรียก...กลุ่มคนจีน ที่อพยพหนีร้อนจาก...เมืองจีน มาพึ่งเย็นที่...สยามประเทศ ยุคอากง, อาป๊า ของพวกเรา สมัยนั้นมากันเยอะมาก
แล้วก็เกิด...สำนวนขึ้นอีกประโยคหนึ่ง จะเรียกว่า...สโลแกน ก็ได้ ในหมู่ ซิงตึ๊ง ว่า...
ซา ซัว ติ๊ก เจ๊ก, ไก่ ไก่ อู่ หุ่ง (三山得一,個個有份)
แปลว่า...ซา ซัว จะต้องได้กันคนละหนึ่ง ทุกคนมีสิทธิ์เหมือนกันหมด
ซาซัว ก็คือ... 1) จ่อ ซัว (座山 / เจ้าสัว) 2) ตึ่ง ซัว (唐山 / ประเทศจีน)
3) หงี่ ซัว (義山 / สุสานสงเคราะห์ หรือ ป่าช้าวัดดอน)
ขอพักไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อ...
วันนั้น ประเทศจีนอ่อนแอมากๆ อดอยาก, ยากจนข้นแค้นแสนสาหัส (มีครบทุกรส...)
ขนาดประเทศมหาอำนาจตะวันตก เปรียบเปรย ว่า เป็น...สุนัข
หาดว่ายทาน ในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศมหาอำนาจตะวันตก มาเช่าไว้ เรียกว่า...เขตเช่า
รอบเขตเช่านี้ พวกมหาอำนาจตะวันตก ขึ้นป้ายเยาะหยันไว้ ว่า...คนจีน และ สุนัข ห้ามเข้า!!
เพราะความยากจน ในประเทศจีน ทำให้...คนจีน ต้องหนีตาย, หนีออกนอกประเทศ ไปตายเอาดาบหน้า และ สยามประเทศ หรือ เสี่ยม-ล้อ (暹羅) ก็คือ...ที่หมาย
เฉพาะแถบ อำเภอ แต้ จิ๋ว (潮州) และ อำเภอ เหมย เซี่ยน (梅縣) ก็มี...คนจีน ทะลักเข้าสยาม (เสี่ยม-ล้อ) โดย...จ่ายค่าโดยสารบ้าง, แอบซ่อนตัวมาบ้าง, มากับเรือบรรทุกสินค้า จาก...ซัว เถา (汕頭) ซึ่งมีปลายทางอยู่ที่...สยาม สัปดาห์ละ 2 เที่ยว ทุกเที่ยวบรรทุกเกินพิกัด จำนวนคนโดยสารหลายพันคน
มากันแบบ...เสื่อผืนหมอนใบ
แค่ 2 ปี มีคนจีน เข้า สยาม ไม่น้อยกว่า 100,000 คน
ปี ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491)
จอมพล ป. พิบูลสงคราม ขึ้นมามีอำนาจ ได้สั่งจำกัด ให้...คนจีนเข้าไทย ได้ปีละ 200 คน ปรากฏว่า...ครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2491 จำนวนคนจีน เข้าสยาม ก็ได้...ลดลงอย่างฮวบฮาบ
ปี ค.ศ. 1949 จีนสถาปนา ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ปกครองด้วย...ระบอบคอมมิวนิสต์ ไทยกับจีน...ได้ตัดสัมพันธ์กัน จึงไม่มีคนจีน หอบ...เสื่อผืนหมอนใบ ข้ามน้ำข้ามทะเล มาอีก
คนจีนที่ทะลักเข้ามา...สยามประเทศนี้ ซึ่งเรียกรวมๆ ว่า...พวก ซิง ตึ๊ง
เป็นคนประเภท...มีความอดทน, หนักเอาเบาสู้, ไม่เกี่ยงไม่งอน ขอเพียงมีงานทำ, มีรายได้ เป็นรับไว้หมด
ขณะเดียวกัน ก็มี...ความประหยัด เก็บหอมรอมริบ ตามมา และ เริ่มพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ
เมื่อพอมีเงิน, เพียงพอที่จะใช้...เป็นทุนได้ ก็เล็งหาโอกาส ยกระดับตัวเอง
จาก...ระดับแรงงาน, ขี้ข้า...ขึ้นมาเป็น...พ่อค้า
จาก...หาบเร่, แผงลอย ยกระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนเป็น...เจ้าของกิจการมากมาย ใหญ่บ้าง, เล็กบ้าง, ตามสถานะ และ โอกาส และ ความสามารถ ของแต่ละบุคคล
บ้างก็ร่ำรวยเงินทอง ถึงขั้นเศรษฐี หรือ เจ้าสัว...ก็มี,
บ้างก็เป็นเถ้าแก่, นายจ้าง...ก็มี,
บ้างก็ย่ำแย่อยู่กับที่...ก็มี,
บ้างก็อนาถา น่าสงสาร...ก็มี
ทีนี้ ก็มีคุยกันต่อถึงเรื่องที่...ค้างไว้ข้างต้น
1) พวกที่โชคดี ร่ำรวยเงินทองเต็มขั้น เป็นเศรษฐี, มหาเศรษฐี ก็ได้ชื่อว่า...จ่อ ซัว หรือ เจ้าสัว (ก็รับไป 1 ซัว)
2) พวกมีเงินมีทองบ้าง และ คิดถึงบ้านที่เมืองจีน อยากกลับบ้าน ก็ได้กลับ...ตึ่ง ซัว หรือ เมืองจีน
(ก็รับไป 1 ซัว)
3) พวกโชคไม่ดี เหมือนประเภท 1 และ 2 ยังคงอนาถา น่าสงสาร อยู่ไปตามยถากรรม อย่างน้อย ช่วงสุดท้ายของชีวิต ก็ได้อยู่...หงี่ ซัว หรือ สุสานสงเคราะห์ หรือ ป่าช้าวัดดอน
(ก็ได้ 1 ซัวเหมือนกัน)
จะเห็นได้ว่า...ทุกคนมีส่วนได้กันหมด
ในกลุ่ม ซิง ตึ๊ง อพยพ นั้น ได้มีการสร้างเนื้อสร้างตัว ไต่เต้าขึ้นมาตามลำดับ และ ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของปวงชน ก็มีไม่น้อย เช่น...
นายชิน โสภณพานิช (แซ่ตั๊ง / 陳) ผู้ก่อตั้ง...ธนาคารกรุงเทพ จำกัด
นายอุเทน เตชะไพบูลย์ (แซ่แต้ / 鄭) เป็นรุ่น 2 ผู้ก่อตั้ง...ธนาคารศรีนคร และ
มูลนิธิป่อ เต็ก ตึ๊ง, โรงพยาบาล หัว เฉียว, มหาวิทยาลัย หัว เฉียว ฯลฯ
นอกจากนี้ ชาวจีนที่อพยพเข้ามาประเทศสยาม ก่อนหน้านี้ และ มีชื่อเสียง, มีผลงาน จารึกอยู่ บนหน้าประวัติศาสตร์ ก็มีไม่น้อยเช่นกัน ตัวอย่าง...
นายปรีดี พนมยงค์ (แซ่ ตั๊ง / 陳)
หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ (แซ่ แต้ / 鄭)
นายธานินทร์ กรัยวิเชียร (แซ่ เบ๊ / 馬) หรือ หม่า
นายถนัด คอมันต์ (แซ่ คอ / 柯)
นายบรรหาร ศิลปอาชา (แซ่ เบ๊ / 馬)
นายชวน หลีกภัย (แซ่ ลื๋อ / 呂)
นายทักษิณ ชินวัตร (แซ่ คู / 丘)
นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ (แซ่ อ๊วง / 袁) ฯลฯ
ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็น...อนุชน จีนอพยพ ทั้งสิ้น
สรุป...ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง
วันนั้น.....ต้อง...หนีตาย, หนีร้อนพึ่งเย็น
วันนี้........กำลังเป็น...มังกรทยานฟ้า
วันหน้า...ก็ไม่แคล้ว...อนิจจัง
**********************************************
Friday, August 24, 2018
โอวาทธรรมของเกจิอาจารย์
|
"..ผลที่สุดก็มารวม เป็นอันเดียวว่า นอกจากทุกข์นี้เกิด นอกจากทุกข์นี้ตั้งอยู่ นอกจากทุกข์นี้ดับไปแล้ว ไม่มีอะไร มีแต่เท่านี้ ไม่มีอะไรอื่นนอกจากนี้ มันมีเท่านี้ๆ.."
โอวาทธรรม หลวงปู่ชา สุภัทโท
***************
"ต้องไปเกิดตามความแน่นอนของกรรม ภพชาติแต่ละภพ เราอย่าเข้าใจว่าเหมือนกัน ใจดวงนี้แหละพาดำริคิดอ่านไตร่ตรองให้ทำก่อน คิดขึ้นก่อนแล้วค่อยทำ ส่วนมากจะคิดตั้งแต่ฝ่ายต่ำ จึงมักทำแต่ความไม่ดีเสมอ จิตใจของคนและสัตว์ทั่ว ๆ ไปเป็นเช่นนี้ เมื่อทำแล้วผลก็หลั่งไหลเข้ามาสู่ตัวเหตุที่เป็นจุดแห่งการกระทำนั้นแล เวลาตายไปแล้วไปอยู่ที่ไหน จิตไม่ตาย ธรรมชาติเหล่านั้นก็ติดจิตไป ร่างกายแตกสลาย ธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เรียกว่าร่างกาย ๆ นี้สลายตัวลงไปจากส่วนผสม แต่จิตกับวิบากของจิตดีชั่วไม่ได้สลาย มีอยู่ที่จิต จิตดวงนี้จึงไปเกิดตามสถานที่ให้ไปเกิด ตามความแน่นอนของใจไม่ได้ ต้องไปเกิดตามความแน่นอนของกรรมเท่านั้น กรรมมี กรรมดีกรรมชั่ว ถ้าเราได้ทำความชั่วเอาไว้มาก กรรมชั่วก็เป็นเจ้าของของจิตใจนั้น พาใจไปเกิดในสถานที่ไม่พึงปรารถนา"
โอวาทธรรม พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
***************
"คนบางคน ที่มีปัญญาฉลาดหลักแหลม ฉลาดในเชิงพูดเชิงคิด แต่ดวงจิตไม่มีสมาธิ นี้เรียกว่า คมนอกฝัก"
โอวาทธรรม ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
***************
Thursday, August 16, 2018
อย่าต้มน้ำทิ้งเปล่า ๆ โดยไม่ได้เอาน้ำร้อนไปใช้ประโยชน์
"อย่าต้มน้ำทิ้งเปล่า ๆ โดยไม่ได้เอาน้ำร้อนไปใช้ประโยชน์ (หมายถึงอย่าเอาแต่ทำสมาธิโดยไม่พิจารณาธรรม)"
โอวาทธรรม หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
***************
"อันตรายภายนอกนั้นเราไม่กลัว เรากลัวอันตรายจากกิเลสภายในใจของตนเองเท่านั้น
ใจคนเราที่ฟุ้งซ่านหงอยเหงา เกิดจากกิเลสสามกองภายในใจของตนเองบั่นทอน ใจฟุ้งซ่านไม่ได้เกิดจากสิ่งภายนอก สัตว์ บุคคล มันเกิดจากใจเราเข้าไปยึดถือ ให้เป็นธรรมารมณ์ทั้งนั้น"
โอวาทธรรม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
***************
"การตื่นรู้อยู่ในปัจจุบันเป็นเสมือนบ้านของจิตใจ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งขณะเดินทางไปต่างประเทศ ห่างไกลจากเพื่อนและคนที่เรารัก หากเรายังคงเข้าถึงความตื่นรู้ที่สว่างกระจ่างชัดนี้ได้ เราย่อมรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน"
โอวาทธรรม พระอาจารย์ชยสาโร
***************
Monday, August 13, 2018
นิทานเรื่อง งู กับ เลื้อย
🐍งูตัวหนึ่งเลื้อยเข้าไปในโรงไม้ มันไถลเลื้อยข้ามเลื่อยใบหนึ่ง มันเจ็บปวดมาก เลยหันหัวแว้งฉกกัดเลื่อย แต่กลับทำให้ปากมันมีแผลเหวอะโดยไม่ได้ยั้งคิด มันกลับเข้าใจว่า มันกำลังถูกจู่โจมโดยเลื่อย มันตัดสินใจ เลื้อยโอบรอบตัวเลื่อย แล้วจัดการรัดเจ้าเลื่อยอย่างเต็มกำลัง แต่สิ่งที่ได้ คือ มันกลับถูกเลื่อยฆ่ามันตายในที่สุด
อย่าคิดว่าตัวเองแน่ แล้วใช้อารมณ์ เพราะบางปัญหา อารมณ์ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ บางทีอาจจะคิดว่าการบาดเจ็บเกิดจากคนอื่น แต่จริงๆ อาจจะเกิดจากจุดอ่อนตัวเอง
:: ข้อคิด ::
ในบางครั้ง เราตอบโต้ความโกรธ ด้วยการคิดทำร้ายคนๆนั้น แต่เราไม่ได้ฉุกคิดเลยว่า ในที่สุดแล้ว เรากลับกำลังทำร้ายตัวเองอยู่
ในชีวิตจริง บางทีมันจะดีกว่า ถ้าเราไม่สนใจต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ไม่สนใจคนพวกนั้น ไม่สนใจพฤติกรรมเหล่านั้น แม้แต่คำพูดของพวกเขา
ในบางครั้ง มันจะดีซะกว่า หากเราไม่โต้ตอบ เพราะมันอาจจะไม่ใช่แค่ ได้ผลลัพท์ที่เลวร้าย แต่อาจเป็นภัยที่ร้ายแรงขั้นถึงชีวิตกันเลยที่เดียว
อย่าปล่อยให้ความโกรธครอบงำชีวิตคุณ แต่กลับเป็นความรัก ที่อยู่เหนือทุกสิ่ง
จงยิ้มเข้าไว้ แผ่ความสุขในตัวคุณออกไป
นี่คือ กฎของธรรมชาติ
อาหารที่เรากิน จะถูกย่อยและถูกขับออกไปภายใน ๒๔ ชม. ไม่เช่นนั้น เราจะป่วย
น้ำที่เรากิน เข้าสู่ภายในร่างกาย และจะถูกขับออกมา ในอีก 4ชม. ไม่เช่นนั้น เราจะไม่สบาย
อากาศที่เราหายใจเข้าไป จะถูกดันออกมา ในเวลาแค่ 1 นาที ไม่เช่นนั้น เราก็จะตาย...
แล้วนับประสาอะไรกับอารมณ์ที่ไม่น่าพิศมัยต่างๆ เช่น ความโกรธ ความอาฆาตพยาบาท ความอิจฉาริษยา ความหวั่นไหวในจิตใจทั้งหลาย แต่เรากลับเก็บสิ่งพวกนี้ไว้กับเรา เป็นแรมเดือนแรมปี
หากอารมณ์แย่ๆทั้งหลายยังไม่ถูกกำจัดออกไปจากใจเรา มันก็จะกัดกร่อนจิตใจส่วนดี และทำให้ร่างกายนี้เจ็บป่วยตามไปด้วย
การมีสติ กลับมารู้สึกตัว ถือเป็นวิธีที่ไวและให้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด ในการชนะอารมณ์ลบๆในจิตใจของเรา
|
Subscribe to:
Posts (Atom)