Wednesday, November 15, 2006

ขอเชิญชวนร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ขอเชิญชวนร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
15/11/2006 โปรดบอกบุญช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วยการช่วยส่งต่อๆกันไปนะครับเรียน ท่านผู้มีจิตเมตตาเนื่องด้วยขณะนี้แถบที่ราบภาคกลางและตะวันออกของไทย ได้เกิดเหตุน้ำท่วม โดยมีผู้เสียชีวิตเกือบ 200 ชีวิตแล้วและเจ็บป่วย ประมาณเรือนแสนคน ประชาชนหลายส่วนใน 43 จังหวัด ไร้ที่อยู่อาศัย ข้าวปลาอาหารไม่เพียงพอ เรือกสวนไร่นาได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ต้องการทุนทรัพย์ในการช่วยเหลือเเละฟื้นฟู สามารถช่วยเหลือโดยการบริจาคเงินทาง
1. สภากาชาดไทย ชื่อบัญชี...สภากาชาดไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย บ/ช กระแสรายวัน เลขที่ 045-3-04190-6 โปรด fax สำเนาใบโอนพร้อมเขียนชื่อ ที่อยู่ ที่จะให้
สภากาชาดไทยออกใบเสร็จรับเงิน ที่ fax เลขที่ 02-2500120 โทร. 02-256 4068-9
หรือบริจาคด้วยตนเองที่ สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย (ในเวลาราชการ 8.30-16.30น)
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-255 9911 , 02-256 4441-3
2. มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มูลนิธิ ราชประชานุเคราะห์ ในบริเวณกรมประชาสงเคราะห์ ถนนกรุงเกษม แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ๑๐๑๐๐ โทรศัพท์ : ๐๒-๒๘๒-๙๕๙๖,๐๒-๒๘๑-๑๙๐๒ โทรสาร : (๖๖๒) ๐๒-๒๘๑-๑๔๒๓
ท่านผู้ที่มีจิตศรัทธาประสงค์จะโดยเสด็จพระราชกุศลเป็นเงิน หรือสิ่งของกรุณาติดต่อได้ที่สำนักงานมูลนิธิฯ ในบริเวณกรมประชาสงเคราะห์ ถนนกรุงเกษม แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรู-พ่าย กรุงเทพฯ 10100
หรืออาจส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนเป็นเช็คธนาคาร ,ดร๊าฟท์, ตั๋วแลกเงิน สั่งจ่ายในนามมูลนิธิประชานุเคราะห์ฯ หรือธนานัติ สั่งจ่าย ปท. สวนจิตรลดา
หากท่านโดยเสด็จพระราชกุศลตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป จะขอตั้งทุนไว้ในมูลนิธิฯ ก็ได้ซึ่ง มูลนิธิฯ จะแยกบัญชีไว้ เพื่อนำเฉพาะดอกผลไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ ส่วนเงินทุนของท่านยังคงอยู่ตลอดไป ครั้งต่อไปท่านจะโดยเสด็จพระราชกุศลจำนวนเท่าใดก็ได้ นอกจากนี้ ท่านยังขอตรวจสอบยอดเงินทุนของท่านได้ทุกเวลา
3. รัฐบาลขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน ๔๖ จังหวัด
โดยผ่านทางบัญชี “กองทุนเงินช่วยเหลือ ผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี”
ธนาคารออมสิน สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 00-0025-20-014972-3

อนฺนโท พลโท โหติ วตฺถโท โหติ วณฺณโทยานโท สุขโท โหติทีปโท โหติ จกฺขุโท
ผู้ให้ข้าว ชื่อว่าให้กำลัง
ผู้ให้ผ้า ชื่อว่าให้ผิวพรรณ
ผู้ให้ยานพาหนะ ชื่อว่าให้ความสุข
ผู้ให้ประทีปโคมไฟ ชื่อว่าให้จักษุ

Thursday, November 09, 2006

คนปีนเขา


ภาพติดผนัง "คนปีนเขา" ภาพนี้จะช่วยเตือนสติเราว่า จิตใจของคนเรานั้นมีธรรมชาติไหลไปสู่ที่ต่ำเสมอ เสมือนกับแรงดึงดูดของโลกที่จะคอยฉุดให้นักปีนเขาร่วงหล่นตกจากภูเขา นักไต่เขาจึงต้องใช้ความเพียรและพละกำลังอย่างเต็มที่เพื่อปีนขึ้นสู่ยอดเขา อันเป็นเป้าหมาย ดังนั้นทุกครั้งที่เราเห็นภาพนี้ จึงควรระลึกถึงธรรมชาติของจิตใจ และปรารภความเพียร ตั้งใจที่จะฝึกฝนพัฒนาจิตใจจนกว่าจะบรรลุอิสรภาพ คือ "นิพพาน"

จาก http://www.budpage.com/office.shtml ขออนุโมทนาบุญที่ Budpage สร้างสรรสิ่งดีๆ

Wednesday, November 01, 2006


ทำบุญได้บ่อยๆ วันไหนหรือตอนไหน อยากทำบุญปล่อยสัตว์ เราก็แค่ลอง เจเขี่ย ลด ละ เนื้อสัตว์ และ อย่าลืมอุทิศส่วนกุศลนี้ทันทีที่ใจเบิกบานแด่ เทวดาที่รักษาท่าน และบุตรธิดา ซึ่งท่านเหล่านั้นจะชื่นใจ อนุโมทนา คือแจกกลับมาให้เรามากกว่าเนื่องจากท่านเป็นทิพย์และมีมากกว่าเรา

การเป็นมังสวิรัติ คือ ชีวจิต ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด ไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง ไม่ใช่ความเชื่อที่งมงายไร้เหตุผล แต่เป็นของขวัญที่เรามอบให้กับตัวเองอย่างแท้จริง

จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอความรู้และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาหารมังสวิรัติ มิได้มีเจตนาจะสร้างความขัดแยังหรือเปลี่ยนแปลงทัศนคติของท่านผู้ใด เพราะเราเคารพในความคิดเห็นของท่านและยึดหลักของการไม่เบียดเบียน และเหนือสิ่งอื่นใด เรารักเพื่อนร่วมโลกทุกคน ไม่ว่าเขาจะกินอะไรก็ตาม
บทความพิเศษ เรื่อง เหตุใดจึงต้องเป็นมังสวิรัติ โดย อนุตตราจารย์ชิงไห่ ผู้ถ่ายทอด ธรรมวิถีกวนอิม
จ๊าค เดอ มาเควต (JACQUES DE MARQUETTE) ผู้ก่อตั้งสมาคมครอบครัวสากล ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะทำงานเพื่อส่งเสริมมนุษยชาติ ธรรมชาติและบุคลิกภาพ ให้เหตุผลของการกินอาหารมังสวิรัติไว้ 12 ข้อ สรุปได้ดังนี้
เพื่อร่างกายที่สะอาด บริสุทธิ์

เพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจ

เพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนในสังคม

เพื่อความรัก อันปราศจากความหลงในเมถุน

เพื่อจิตใจที่เข้มแข็ง

เพื่อความสมดุลย์ทางเศรษฐกิจและสังคม

เพื่อการพัฒนาทางปัญญา

เพื่อความกลมกลืนกับธรรมชาติ

เพื่อเหตุผลทางด้านศีลธรรมและความไม่เบียดเบียน

เพื่อเป็นรากฐานของสันติภาพ

เพื่อเหตุผลทางด้านศาสนา

เขาเชื่อว่า อาหารมังสวิรัติ "เป็นกุญแจที่จะเปิดประตูทุกบาน" และเป็นหลักประกันของสุขภาพอันสมบูรณ์
ความเจริญทางวัตถุ ความสมดุลย์ทางปัญญา ความบริสุทธิ์ ความดี ความเมตตาต่อสัตว์และมนุษย์ ในยุคแห่งความหลงอวิชชา ความบ้าเลือด และความทุกข์ทรมาน


ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างผลงานของนักวิจัยบางท่าน ซึ่งมีประเด็น ที่น่าสนใจ หลายประการเช่น

จากการศึกษาทดลองกับกลุ่มที่บริโภคอาหารมังสวิรัติ (เซเว่นธ์ เดย์ แอดเวนติสต์) จำนวน 50,000 คน ปรากฏว่า ผลที่ได้รับก่อความตื่นเต้นให้กับวงการวิจัยโรคมะเร็งเป็นอย่างมาก เนื่องจากกลุ่มนี้มีอัตราการเป็นมะเร็ง
ที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มของเพศและวัยเดียวกัน แต่บริโภคเนื้อสัตว์ การศึกษายังเสดงให้เห็นอีกด้วยว่า
พวกเซเว่นธ์ เดย์ แดเวนติสต์ มีแนวโน้มที่จะอายุยืนกว่า

นายแพทย์ผู้หนึ่งพร้อมด้วยนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้เดินทางไปยังหมู่บ้าน
อันห่างไกล ในแถบภูเขาเอควาดอร์ ซึ่งมีคนอยู่ประมาณ 400 คน เพื่อทำการศึกษาชนกลุ่มนี้ พบว่าคนที่นี่ส่วนมากมีอายุยืนเป็นพิเศษ ชายคนหนึ่งอายุ 121 ปี พวกเขาได้ตรวจร่างกาย ของผู้ที่มีอายุเกิน 75 ปีขึ้นไป ปรากฏว่า ในกลุ่มนี้มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มีอาการของโรคหัวใจ ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ ล้วนเป็นนักมังสวิรัต

จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ ปรากฏว่า เมื่อนำตับของสัตว์ที่ตายด้วยโรคมะเร็งมาเลี้ยงปลา ปลานั้นก็จะเป็นโรคมะเร็งด้วย

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบว่า ความดันโลหิตของผู้กินอาหารมังสวิรัติ โดยเฉลี่ยแล้วจะต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กินมังสวิรัติอย่างเห็นได้ชัด

ในระหว่างสงครามเกาหลี ได้มีการชันสูตรศพทหารอเมริกัน ที่มีอายุโดยเฉลี่ย 22 ปี จำนวน 200 ราย ปรากฏว่า 80% เป็นโรคเส้นโลหิตแข็งตัว และอุดตันด้วยไขมันสัตว์ แต่ทหารเกาหลีในกลุ่มอายุเดียวกันที่ได้รับการชันสูตรศพเช่นกัน กลับไม่ปรากฏผลดังกล่าวเลย ทหารเกาหลีส่วนมากกินมังสวิรัต

นายแพทย์ ยู ดี เรจิสเตอร์ หัวหน้าแผนกโภชนาการ ที่มหาวิทยาลัยโลม่า ลินดา ในคาลิฟอร์เนีย อธิบายถึงการทดลองให้กินอาหารที่อุดมด้วยข้าวประเภทต่างๆ ว่า สามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอลได้จริงๆ ถึงแม้ว่าผู้ได้รับการทดลองจะกินเนยเป็นปริมาณมากก็ตาม

นายแพทย์ชาวอเมริกันผู้หนึ่ง ได้ทำการเปรียบเทียบปัสสาวะของผู้บริโภคเนื้อสัตว์กับผู้บริโภคอาหารมังสวิรัติ ปรากฏว่า ไตของผู้บริโภคเนื้อสัตว์ต้องทำงานหนักกว่าไตของนักมังสวิรัติถึงสามเท่า เพื่อกำจัดส่วนผสมของไนโตรเจน ซึ่งเป็นพิษมากออกจากร่างกาย ในกรณีที่เป็นผู้สูงอายุไตจะรับภาระไม่ไหว จะป่วยเป็นโรคไตอยู่เป็นประจำ

การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ยืนยันว่าการขับถ่ายที่เป็นไปตามระบบที่ดี จำเป็นต้องอาศัยกากอาหาร อาหารมังสวิรัติที่ถูกต้อง คือต้องมีผัก ข้าว และผลไม้ ต่างจากเนื้อสัตว์ตรงที่สามารถเก็บความชื้นไว้ได้ และช่วยย่อยอาหารเป็นก้อน เพื่อสะดวกในการลำเลียงอาหาร มังสวิรัติจึงช่วยป้องกันโรคท้องผูกได้เป็นอย่างดี

นายแพทย์ เอช ชูเทเดน (H. Schouteden) จากมหาวิทยาลัยแห่งเบลเยียม ได้ทดลองความอดทน ความแข็งแกร่ง และการกลับคืนสู่สภาพปกติ หลังจากการใช้พลังงานอย่างเต็มที่ ปรากฏว่านักมังสวิรัติเหนือกว่าผู้ที่กินเนื้อสัตว์ในคุณสมบัติดังกล่าวทั้งสาม

ในปี 1954 นักวิจัยได้ค้นคว้าอย่างละเอียด ณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปรากฏว่า ถ้าหาผักชนิดต่างๆ ธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนมมาบริโภครวมกัน ร่างกายจะได้รับโปรตีนในปริมาณที่เกินความต้องการ นักวิจัยลงความเห็นว่า การกินอาหารมังสวิรัติ 2-3 อย่างขึ้นไป จะทำให้ร่างกายมีโปรตีนเหลือเฟือ

สถาบันโภชนาการแห่งสหรัฐอเมริการะบุว่า เนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่าเต็มไปด้วยเลือด ที่เป็นพิษ เช่น ฮอร์โมนอะดรีนาลิน จะถูกหลั่งออกมาเมื่อสัตว์ถูกฆ่า ผลจากฮอร์โมนนี้ยังไม่ทราบ การใช้ดินปะสิวใส่เพื่อให้เนื้อสีแดง จะมีโอกาสทำให้เป็นโรคมะเร็ง การใช้ฮอร์โมนเลี้ยงสัตว์เพื่อให้โตเร็ว จะเป็นสาเหตุของมะเร็งได้ การใช้ยาปฏิชีวนะในสัตว์มีมาก เมื่อคนได้รับจากเนื้อ จะทำให้เกิดต้านยาขึ้น โรคติดต่อเช่น วัณโรค พยาธิต่างๆ เช่น พยาธิใบไม้ในตับ ตัวจี๊ด เนื้องอก มะเร็ง และมีโรคอีกมากที่ถ่ายทอดจากสัตว์สู่คน ในเนื้อสัน 1 กิโลกรัม มียูริค 30 กรัม ทำให้ไตต้องทำงานหนัก มีโอกาสเป็นเกาต์และโรคไต เนื้อย่าง 1 กิโลกรัม เกิดเป็นโซไพรีนเท่ากับสูบบุหรี่ 600 มวน เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง ไขมันสัตว์ทำให้เป็นโรคเส้นโลหิตอุดตันที่หัวใจ สมอง (ทำให้เกิดโรคหัวใจอัมพาต)