ป่วยด้วยโรคจากกรรมเก่า จะบรรเทาได้อย่างไร?
ถ้าป่วยด้วยโรคจากกรรมเก่าจะบรรเทาได้อย่างไร
ถาม - กรรมเก่าสามารถส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยได้ไหม
แล้วจะมีหนทางใดบ้างที่จะทำให้ทุเลาเบาบางลงคะ
แล้วจะมีหนทางใดบ้างที่จะทำให้ทุเลาเบาบางลงคะ
พระพุทธเจ้าตรัสว่านะครับ สาเหตุของการป่วย เจ็บไข้ได้ป่วยนะ
มีอยู่ ๔ ประการ อันนี้ท่านตรัสไว้กับพระนะ
แต่ว่าก็คงจะเอามาประยุกต์ได้ในกรณีทั่วไป
ท่านตรัสว่า ที่ป่วยนะมันมีสาเหตุอยู่ ๔ ประการด้วยกัน
หนึ่ง คือเรื่องของดินฟ้าอากาศ เรื่องของอุตุ
พูดง่ายๆ ว่า จะเป็นเชื้อโรค จะเป็นลมฝน
จะเป็นอากาศหนาวมากเกินไป อะไรต่างๆ นานา
มันทำให้เจ็บป่วยขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องปัจจัยอื่นนะครับ
มีอยู่ ๔ ประการ อันนี้ท่านตรัสไว้กับพระนะ
แต่ว่าก็คงจะเอามาประยุกต์ได้ในกรณีทั่วไป
ท่านตรัสว่า ที่ป่วยนะมันมีสาเหตุอยู่ ๔ ประการด้วยกัน
หนึ่ง คือเรื่องของดินฟ้าอากาศ เรื่องของอุตุ
พูดง่ายๆ ว่า จะเป็นเชื้อโรค จะเป็นลมฝน
จะเป็นอากาศหนาวมากเกินไป อะไรต่างๆ นานา
มันทำให้เจ็บป่วยขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องปัจจัยอื่นนะครับ
ข้อสองคือใช้กำลังงานมากเกินไป
พูดง่ายๆ ว่าทำให้เครื่องมันร้อนน่ะ ร่างกายมันร้อนเกินเหตุนะครับ
ก็เกิดอาการที่มันโอเวอร์ฮีท (overheat) ร่อแร่ๆ เหมือนกับเป็นไข้
หรือว่าเป็นอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับความร้อนได้
ความร้อนจากภายในคือคนโบราณเรียกกันว่าธาตุไฟกำเริบนะครับ
พูดง่ายๆ ว่าทำให้เครื่องมันร้อนน่ะ ร่างกายมันร้อนเกินเหตุนะครับ
ก็เกิดอาการที่มันโอเวอร์ฮีท (overheat) ร่อแร่ๆ เหมือนกับเป็นไข้
หรือว่าเป็นอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับความร้อนได้
ความร้อนจากภายในคือคนโบราณเรียกกันว่าธาตุไฟกำเริบนะครับ
ข้อสามคือไม่ออกกำลังกาย ไม่ออกกายบริหาร
อันนี้พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ตั้งแต่กว่าสองพันปีที่แล้วนะ เอามาใช้ได้เลยนะ
ถ้าหากว่าเราคิดว่าเราเป็นคนเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ
ถามตัวเองดูว่า มีการออกกำลังกายให้ร่างกายมันมีภูมิต้านทาน
มีภูมิคุ้มกัน มีความแข็งแรงออกมาจากภายในไหม
ถ้าหากว่ายังไม่ได้ออกกำลังกายนะ
ขอให้พิจารณาดูว่าอันนี้เป็นต้นเหตุเหมือนกันนะครับ
ของสาเหตุของการเจ็บไข้ได้ป่วย
อันนี้พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ตั้งแต่กว่าสองพันปีที่แล้วนะ เอามาใช้ได้เลยนะ
ถ้าหากว่าเราคิดว่าเราเป็นคนเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ
ถามตัวเองดูว่า มีการออกกำลังกายให้ร่างกายมันมีภูมิต้านทาน
มีภูมิคุ้มกัน มีความแข็งแรงออกมาจากภายในไหม
ถ้าหากว่ายังไม่ได้ออกกำลังกายนะ
ขอให้พิจารณาดูว่าอันนี้เป็นต้นเหตุเหมือนกันนะครับ
ของสาเหตุของการเจ็บไข้ได้ป่วย
ข้อสี่ ข้อสุดท้ายพระพุทธเจ้าถึงตรัสว่า เป็นไปได้ที่จะป่วยจากกรรม
การที่เราจะมองออกนะว่า โรคนี้เป็นโรคเวรโรคกรรม
ดูง่ายๆเลยคือ ไม่สามารถรักษาได้หาย
ไม่สามารถที่จะไปค้นหาสาเหตุว่ามันมาจากไหน
เป็นโรคที่แปลกกว่าใครเขา
หรือว่าไปหาหมอกี่เจ้าๆ เขาก็บอกว่าตรวจดูไม่เห็นไม่มีอะไร
มันน่าจะเป็นอาการแพ้อย่างนู้น แพ้อย่างนี้
หรือว่าเป็นอาการทางใจของเราเอง
แต่เราเองก็บอกว่า อาการทางใจของเราไม่มี
เอ่อ ไอ้แพ้บางจุด มันมีด้วยเหรออาการทางใจ
ที่จะไปจี้กันเป็นจุดๆ ให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมา
การที่เราจะมองออกนะว่า โรคนี้เป็นโรคเวรโรคกรรม
ดูง่ายๆเลยคือ ไม่สามารถรักษาได้หาย
ไม่สามารถที่จะไปค้นหาสาเหตุว่ามันมาจากไหน
เป็นโรคที่แปลกกว่าใครเขา
หรือว่าไปหาหมอกี่เจ้าๆ เขาก็บอกว่าตรวจดูไม่เห็นไม่มีอะไร
มันน่าจะเป็นอาการแพ้อย่างนู้น แพ้อย่างนี้
หรือว่าเป็นอาการทางใจของเราเอง
แต่เราเองก็บอกว่า อาการทางใจของเราไม่มี
เอ่อ ไอ้แพ้บางจุด มันมีด้วยเหรออาการทางใจ
ที่จะไปจี้กันเป็นจุดๆ ให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมา
นี่แหละตรงนี้นี่แหละนะครับ ที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นไปได้ที่กรรมจะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นมา
สาเหตุ ๔ ประการตรงนี้
ถ้าเราจะพิจารณาว่าโรคนั้นเป็นโรคเวรโรคกรรม
ทำอย่างไรถึงจะทำให้ทุเลาลง
ส่วนใหญ่เลยนะครับ อันนี้เป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทั้งหมดนะ
โรคเวรโรคกรรมจะเกิดมาจากการเบียดเบียนคนอื่น
ให้ได้รับความเดือดร้อนทางกายทางใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากเดือดร้อนถึงขึ้นที่จะต้องล้มหมอนนอนเสื่อ
หรือว่าจะต้องพิกลพิการ อะไรแบบนั้น
เวลาที่ย้อนกลับมาเผล็ดผล จะทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย
แบบที่เราไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันมาได้ยังไง
แล้วก็รักษาก็ไม่หาย
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นไปได้ที่กรรมจะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นมา
สาเหตุ ๔ ประการตรงนี้
ถ้าเราจะพิจารณาว่าโรคนั้นเป็นโรคเวรโรคกรรม
ทำอย่างไรถึงจะทำให้ทุเลาลง
ส่วนใหญ่เลยนะครับ อันนี้เป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทั้งหมดนะ
โรคเวรโรคกรรมจะเกิดมาจากการเบียดเบียนคนอื่น
ให้ได้รับความเดือดร้อนทางกายทางใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากเดือดร้อนถึงขึ้นที่จะต้องล้มหมอนนอนเสื่อ
หรือว่าจะต้องพิกลพิการ อะไรแบบนั้น
เวลาที่ย้อนกลับมาเผล็ดผล จะทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย
แบบที่เราไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันมาได้ยังไง
แล้วก็รักษาก็ไม่หาย
ทางที่จะทำให้ทุเลาลงตามหลักของพุทธศาสนา
ก็คือ ไปปล่อยสัตว์ ปล่อยสัตว์ให้มาก
ปล่อยในที่นี้ไม่ใช่เอาไปปล่อยตัว สองตัว
แต่หมายความว่าให้ใจเรามีอาการผูกติดกับชีวิตทานนะ ให้ชีวิตเป็นทาน
ให้ชีวิตเป็นทานหมายความว่ายังไง
หมายความว่าเขากำลังจะถูกฆ่าอยู่แล้ว
หรือว่าเขากำลังจะถูกจองจำให้หมดอิสรภาพ
เราไปช่วยทำให้ชีวิตของเขา มันยืดต่อออกไป
หรือทำให้ชีวิตของเขาได้รับอิสรภาพ อะไรแบบนี้มันจะได้ผลแรง
เพราะว่าพลังของชีวิตที่มันยืดออกไป หรือว่าที่มันเป็นอิสระต่อไปได้
จะย้อนกลับมาช่วยให้อาการเจ็บป่วย
ที่เกิดจากกรรมข้อปานาติบาต มันมีอาการทุเลาลงได้
ก็คือ ไปปล่อยสัตว์ ปล่อยสัตว์ให้มาก
ปล่อยในที่นี้ไม่ใช่เอาไปปล่อยตัว สองตัว
แต่หมายความว่าให้ใจเรามีอาการผูกติดกับชีวิตทานนะ ให้ชีวิตเป็นทาน
ให้ชีวิตเป็นทานหมายความว่ายังไง
หมายความว่าเขากำลังจะถูกฆ่าอยู่แล้ว
หรือว่าเขากำลังจะถูกจองจำให้หมดอิสรภาพ
เราไปช่วยทำให้ชีวิตของเขา มันยืดต่อออกไป
หรือทำให้ชีวิตของเขาได้รับอิสรภาพ อะไรแบบนี้มันจะได้ผลแรง
เพราะว่าพลังของชีวิตที่มันยืดออกไป หรือว่าที่มันเป็นอิสระต่อไปได้
จะย้อนกลับมาช่วยให้อาการเจ็บป่วย
ที่เกิดจากกรรมข้อปานาติบาต มันมีอาการทุเลาลงได้
ถ้าหากว่าเราทำบ่อย เราทำจริง แล้วก็ทำมากเป็นเวลาต่อเนื่องนานพอ
บางคนนี่ทำหลายๆ ปีเลยนะ มันเห็นผลได้ชัดนะครับว่า
อาการที่แปลกๆ อาการที่หาสาเหตุไม่ได้
มันบรรเทาเบาบางลง มันรู้สึกดีขึ้น
คือความรู้สึกเป็นตัวชี้อย่างหนึ่งนะว่ากรรมของเราเบาบางลงหรือยัง
ถ้าหากว่าความรู้สึกของเราคล้ายๆ กับปลอดโปร่ง
หรือคล้ายๆ กับอาการทางกาย มันรายงานว่าทุกอย่างดีขึ้น ทุกอย่างมันสบายขึ้น
ณ ตรงนั้นนะครับ เริ่มที่จะเห็นผลแล้ว
ถ้าไม่ทดลองบางทีมันจะมองไม่เห็นว่า ไอ้ความรู้สึกที่ว่าเป็นยังไง
แต่คนที่ทดลอง แล้วก็ตั้งใจทำจริงๆ
มันจะประจักษ์กับตัวเอง เป็นปัจจัตตัง
รู้ได้ด้วยตน เห็นได้ด้วยตน รู้สึกได้ด้วยตน
บางคนนี่ทำหลายๆ ปีเลยนะ มันเห็นผลได้ชัดนะครับว่า
อาการที่แปลกๆ อาการที่หาสาเหตุไม่ได้
มันบรรเทาเบาบางลง มันรู้สึกดีขึ้น
คือความรู้สึกเป็นตัวชี้อย่างหนึ่งนะว่ากรรมของเราเบาบางลงหรือยัง
ถ้าหากว่าความรู้สึกของเราคล้ายๆ กับปลอดโปร่ง
หรือคล้ายๆ กับอาการทางกาย มันรายงานว่าทุกอย่างดีขึ้น ทุกอย่างมันสบายขึ้น
ณ ตรงนั้นนะครับ เริ่มที่จะเห็นผลแล้ว
ถ้าไม่ทดลองบางทีมันจะมองไม่เห็นว่า ไอ้ความรู้สึกที่ว่าเป็นยังไง
แต่คนที่ทดลอง แล้วก็ตั้งใจทำจริงๆ
มันจะประจักษ์กับตัวเอง เป็นปัจจัตตัง
รู้ได้ด้วยตน เห็นได้ด้วยตน รู้สึกได้ด้วยตน
นอกจากเรื่องของการให้ชีวิตเป็นทานแล้ว
อีกอันหนึ่งก็คือการตั้งใจที่จะรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์
ไม่แม้แต่จะตบยุง ไม่แม้แต่จะบี้มด
การที่เราตั้งใจอย่างนี้ปุ๊บนี่นะ เดี๋ยวมันจะมีบททดสอบมาเยอะแยะเลย
เพื่อที่จะดูว่าเราเอาจริงหรือเปล่า หรือว่าเราตั้งใจทำจริงหรือเปล่า
หรือคิดในอีกแง่หนึ่งก็คือ พอเราตั้งใจปุ๊บ
ธรรมชาติเขาส่ง เรียกว่าอะไรดี การทำบัตรผ่านว่าจะให้เราเข้าสู่เขตอีกเขตหนึ่ง
เขตของความปลอดจากการเบียดเบียน
เขตของการปลอดโปร่งจากความเดือดเนื้อร้อนใจทางปานาติบาต
ถ้าหากว่าเราทำบัตรผ่านได้ผ่านฉลุยนะครับ
ส่วนใหญ่มันจะมาในรูปที่ว่า
ไอ้ที่เคยถูกเบียดเบียนด้วยสัตว์เล็กสัตว์น้อยอะไรเนี่ย มันจะน้อยลง
คือยังมีอยู่แต่ว่านานๆ ที
และแต่ละครั้งมันไม่ทำให้เกิดอาการอะไรมากมาย
ไม่ได้ทำให้เราเดือดเนื้อร้อนใจ
ถึงขั้นที่จะต้องไปเอาชีวิตกันเหมือนที่ผ่านๆ มานะครับ....Dlitemag.com
อีกอันหนึ่งก็คือการตั้งใจที่จะรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์
ไม่แม้แต่จะตบยุง ไม่แม้แต่จะบี้มด
การที่เราตั้งใจอย่างนี้ปุ๊บนี่นะ เดี๋ยวมันจะมีบททดสอบมาเยอะแยะเลย
เพื่อที่จะดูว่าเราเอาจริงหรือเปล่า หรือว่าเราตั้งใจทำจริงหรือเปล่า
หรือคิดในอีกแง่หนึ่งก็คือ พอเราตั้งใจปุ๊บ
ธรรมชาติเขาส่ง เรียกว่าอะไรดี การทำบัตรผ่านว่าจะให้เราเข้าสู่เขตอีกเขตหนึ่ง
เขตของความปลอดจากการเบียดเบียน
เขตของการปลอดโปร่งจากความเดือดเนื้อร้อนใจทางปานาติบาต
ถ้าหากว่าเราทำบัตรผ่านได้ผ่านฉลุยนะครับ
ส่วนใหญ่มันจะมาในรูปที่ว่า
ไอ้ที่เคยถูกเบียดเบียนด้วยสัตว์เล็กสัตว์น้อยอะไรเนี่ย มันจะน้อยลง
คือยังมีอยู่แต่ว่านานๆ ที
และแต่ละครั้งมันไม่ทำให้เกิดอาการอะไรมากมาย
ไม่ได้ทำให้เราเดือดเนื้อร้อนใจ
ถึงขั้นที่จะต้องไปเอาชีวิตกันเหมือนที่ผ่านๆ มานะครับ....Dlitemag.com
หนังสือแนะนำจาก ดังตฤณ
เสียดาย... คนตายไม่ได้อ่าน ฉบับปฏิรูป
หนังสือเล่มนี้อาจเปลี่ยนโลกไม่ทัน แต่มีสิทธิ์เปลี่ยนชีวิตคุณได้
ก่อนสาย ได้รวมเอาเนื้อหาสำคัญอันน่าทึ่ง โดยการนำเสนอ
พระไตรปิฏกในรูปย่อให้น่าสนใจ ด้วยการตอบคำถามที่คุณ
อยากรู้ เพื่อให้คนยุคใหม่เปิดใจรับสุดยอดแห่งสาระสำคัญ
ในการเกิดมาเป็นมนุษย์กันง่ายขึ้น ถ่ายทอดด้วยสำนวน
ภาษาอ่านง่าย ให้ข้อคิดอันหลากหลาย ซึ่งคุณสามารถนำมา
ปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี
|
No comments:
Post a Comment